หมายเรียก เด็ก 11 ขวบ จบแล้ว ผู้ปกครองยอมชดใช้ค่าเสียหายที่เหลือ หลังทำลายกล้องวงจรปิด ด้าน ผอ.โรงเรียน เผยต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
จากกรณี ผอ.โรงเรียนดัง จ.กำแพงเพชร แจ้งความดำเนินคดี เด็กชาย วัย 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 ฐานทำกล้องวงจรปิดเสียหาย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หมายเรียกเด็ก 11 ขวบ หลังรงเรียนแจ้งความทำกล้องวงจรปิดเสียหาย)
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (30 ก.ย. 65) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว ในพื้นที่ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบว่า มีนายสุพล จันทรต๊ะคาด ผู้อำนวยงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 , ผู้อำนวยการโรงเรียน ,นายพงศ์พล สุเยาว์ นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ,กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ปกครองนักเรียน โดยได้พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
โดยผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ให้ข้อมูลถึงเรื่องดังกล่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากที่เด็กนักเรียนทั้ง 2 คน ไปเล่นวอลเล่ย์บอล แล้วไปโดนกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพังเสียหาย ซึ่งเด็กทั้งสองคนนั้นกลัวความผิด เลยตัดสินใจนำไม้มาตี เพื่อทำลายกล้อวงจรปิด พร้อมทั้งตัดสายไฟและสายสัญญาณเพื่อปกปิดความผิด แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้
ทางโรงเรียนจึงได้เรียกผู้ปกครองของเด็กที่ทำกล้องวงจรปิดพังเสียหายเข้ามารับทราบแล้ว พร้อมตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3,000 บาท ซึ่งมีนักเรียน 2 คน ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน มี ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ที่เป็นเพื่อนห้องเดียวกัน โดยผู้ปกครองของทั้ง 2 ฝ่าย ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ และจบเรื่องดังกล่าว แต่พอวันต่อมาเมื่อพ่อของ ด.ช.บี ทราบเรื่องก็บอกว่าขอไม่ชดใช้ อ้างว่าลูกตนเองไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานปกครองและตำรวจในพื้นที่ก็ทราบดี และเข้ามาไกล่เกลี่ยเจรจา จนสุดท้ายมีความเห็นว่าควรจะแจ้งความกับผู้ที่ไม่รับผิดชอบคือ ด.ช.บี ส่วน ด.ช.เอ ได้จ่ายค่าเสียหายแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ต้องดำเนินการทางคดีนั้น เพราะต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
สำหรับ ด.ช.เอ เพื่อนของ ด.ช.บี มีวีรกรรมในโรงเรียนและชุมชนในลักษณะนี้หลายครั้งจนเอือมระอา ซึ่งล่าสุด ด.ช.สิงหา เคยมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนด้วยกันถึงขนาดพกมีดดาบเข้ามาจะทำร้ายกันในโรงเรียน โดยทางปกครองได้เข้าห้ามปรามเรียกผู้ปกครองมารับทราบ จนมีกระแสดราม่าในเพจดัง “Survive – สายไหมต้องรอด” ส่วน ด.ช.บี เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างได้เจรจาและอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้พูดถึงภาพวงจรปิดที่ถูกจับภาพไว้ได้ โดยในภาพจะเห็นลูกวอลเล่ย์บอลกระเด็นมาถูกกล้องวงจรปิด จากนั้น ด.ช.มะพร้าว ได้เดินเข้ามาเพื่อจะเก็บลูกวอลเลย์บอล โดยพยายามปิดบังใบหน้าและใช้เท้าเขี่ยไม้กวาดทางมะพร้าวไปในมุมที่คาดว่าเพื่อนอีกคนจะยืนอยู่ จากนั้นภาพวงจรปิดก็หมุนตกลงมาที่พื้น ซึ่งเป็นการถูกทุบทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันขับรถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนไป
โดยทางโรงเรียนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ก่อนจะมีการแจ้งความและออกหมายเรียกเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่หาข้อตกลงกัน โดยทุกฝ่ายได้ตกลงกันและทำความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อย ทางผู้ปกครองของ ด.ช.มะพร้าว ได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,650 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือหลังจากที่ ด.ช.สิงหา ได้จ่ายแล้ว ส่วนทางโรงเรียนก็จะดำเนินการถอนแจ้งความทันที
ด้าน นายพงศ์พล สุเยาว์ นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับสถานศึกษา ผู้ปกครอง สร้างความเข้าใจจากปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเด็กที่ถูกชักจูงไปในเรื่องของการเสี่ยงกระทำความผิด ซึ่งจะมีการดูแลด้านสภาพจิตใจ และการดูแลให้ผู้ปกครองดูแลเด็กให้มีความเหมาะสม ในเรื่องของคดีความที่ปรากฏตามสื่อ ได้มีการถอนแจ้งความ เพื่อให้เด็กมีจุดยืนอยู่ร่วมกับสังคมได้ อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้ และทางสถานศึกษาเห็นความสำคัญกับเด็ก และได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็ก มีความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กให้มีความเหมาะสม ดูแลเด็กด้วยความรักความอบอุ่น ให้เด็กได้มีความรักจากครอบครัว และได้รับการศึกษาที่เหมาะสม