#StopRacism : บทเรียนของอดีต จากการทำ ‘ตาตี่’ ของผู้เล่น เซอร์เบีย – บทความวอลเลย์บอล – SMMSPORT

ผลการแข่งขันระหว่างทีมชาติไทย ที่พ่ายให้กับ เซอร์เบีย ไป 0-3 เซต และเรื่องของรูปเกมการแข่งขันอาจจะเป็นประเด็นรองไปเลย เมื่อในระหว่างเกมนักกีฬาของทีมฝั่งเซอร์เบีย ดันไปทำท่า “ตาตี่” หลังจากได้แต้ม

ทีมชาติไทย เดินทางไปแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ ลีก 2021 (VNL) ที่ประเทศอิตาลี ในรูปแบบ Bubble โดยจะแข่งขันในระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม – 25 มิถุนายน 2564

ซึ่งเกมในนัดที่ 5 หรือในสัปดาห์ที่ 2 ทีมชาติไทย มีคิวลงสนามแข่งขันพบกับ ทีมชาติเซอร์เบีย ที่ผู้เล่นในทีมล้วนแล้วแต่เป็นนักกีฬาดาวรุ่งอายุยังน้อย

เซตแรก เซอร์เบีย เป็นฝ่ายเอาชนะ สาวไทย ไปได้ที่สกอร์ 25-19 แต่ทว่าในเซตที่ 2 การดวลแรลลีกันของทั้งสองฝ่ายในแต้มที่ 9-8 ซึ่งแต้มนั้นเป็น เซอร์เบีย ที่เป็นฝ่ายชนะ หลังจากการโต้กันไปมา

กล้องจับภาพไปที่ ซันยา ดูร์เดวิช ผู้เล่นตัวรับอิสระของทีมเซอร์เบีย แสดงท่าดีใจด้วยการทำท่า ตาตี่ กับเพื่อนร่วมทีมอย่าง อนา ยัคซิช มือเซตของทีม และฝ่ายหลังยังได้ทำตาม

และต้องยอมรับว่ากระแสความไม่พึงพอใจต่อการกระทำของดาวตบจากเซอร์เบีย พุ่งสูงอย่างมากหลังจบเกมการแข่งขัน จนต้องเกิด #StopAsianHate ขึ้นเทรนทวิตเตอร์อันดับ 1 ของไทย

ซึ่งการทำท่า ตาตี่ ที่ดาวตบรายนี้ได้ทำ และที่เราเห็นในโลกออนไลน์ ในหลาย ๆ วงการ เป็นการทำตาให้เล็กเลียนแบบชาวเอเชีย และเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นท่าทางที่ชาวตะวันตกมักจะใช้ล้อเลียนคนเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องที่รุนแรงในการเหยียดเชื้อชาติ

กระทั่งเจ้าตัวอย่าง ดูร์เดวิช ที่โดนชาวเน็ตไทย “ทัวร์ลง” ถึงขั้นต้องปิด อินสตาแกรม (IG) เป็นส่วนตัว รวมถึงยังได้ไปขอโทษกับ ปลื้มจิตร์ ถินขาว บอลเร็วของทีมสาวไทย ถึงการกระทำดังกล่าว

ซึ่ง “พี่หน่อง” ได้กล่าวในคลิปที่ลงใน IG ว่า ดูร์เดวิช ร้องไห้และเดินมาหาที่ห้องแต่งตัว รวมถึงขอโทษกับสิ่งที่เธอทำ และกล่าวว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะดูถูกชาวเอเชีย และที่จะสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมเพราะว่าเธอดีใจที่ได้แต้มนั้น และจะบอกกับเพื่อนว่าเธอมีเกมรับที่ดีเหมือนคนเอเชีย

และแม้ว่าเจ้าตัวจะไปขอโทษกับผู้เล่นของไทยแล้ว รวมถึงทาง สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเซอร์เบีย ยังได้ออกหนังสือแถลงการณ์ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านหน้าเฟสบุค ใจความว่า ทางสหพันธ์ฯ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยอย่างจริงใจต่อทีมชาติไทย และคนไทย และทุกท่าที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

รวมถึงทาง สหพันธ์เซอร์เบีย ยังเผยอีกว่า การทำแบบนั้นของ ดูร์เดวิช มิได้เป็นการดูหมิ่น แต่เป็นการแสดงให้เพื่อนร่วมทีมเห็นว่า มาเล่นเกมรับแบบพวกนั้นกันเถอะ

และแม้ว่าจะมีการแถลงขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านโลกออนไลน์ ทว่าทางเพจของ สหพันธ์เซอร์เบีย ยังโดนชาวเน็ตนำทัวร์ไปลงที่ใต้คอมเมนต์ใต้โพสต์ จนต้องปิดการคอมเมนต์ไปตามระเบียบ

อีกทั้งในหลาย ๆ ทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการกระทำดังกล่าวของดาวตบเซอร์เบีย และได้โพสต์ข้อความลงบน IG ของทีมวอลเลย์บอลหญิงสหรัฐอเมริกา ในการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ด้วยข้อความว่า

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริกา ยืนเคียงข้างการต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติทุกรูปแบบ วอลเลย์บอลคือชีวิต ที่ควรจะเป็นจุดที่ทุกคนได้รับการยอมรัยอย่างเท่าเทียมกัน เรารู้สึกผิดหวังกับการได้เห็นพฤติกรรมดูถูกต่อทีมชาติไทย มันเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้สำหรับผู้เข้าร่วมแข่งขัน แฟนวอลเลย์บอล รวมถึงสังคมวอลเลย์บอล เพื่อให้เรื่องนี้เป็นที่ครอบคลุมมากขึ้น เราขอเคียงข้าง ทีมชาติไทย และอยู่ที่นี่เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับแข่งขัน ด้วยรักจากพวกเรา ทีมชาติสหรัฐอเมริกา” พร้อม #StopAsianHate

อีกทั้งยังมีนักกีฬา ทั้งจากทีมชาติสหรัฐอเมริกา รวมถึง แคนาดา ต่างออกมาแสดงความเห็นใน IG ถึงการกระทำครั้งนี้ พร้อมกับเผยว่า จะยืนเคียงข้างการเหยียดเชื้อชาติ และเหยียดผิวทั้งหมด

เอริค โชจิ ตัวรับอิสระของทีมชายอเมริกา ที่มีเชื้อชาติญี่ปุ่น ออกมาโพตส์ใน IG Story ว่า สำหรับคนที่คิดว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้เป็นการเหยียดเชื้อชาติ คุณคิดผิด, มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายกับการกระทำแบบนี้ ไม่ควรมีการกระทำแบบนี้ในพื้นที่วอลเลย์บอล

ด้าน เคียรา ฟาน ริค หัวเสาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติแคนาดา ได้โพสต์ข้อความเช่นเดียวกันว่า นี่เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ รวมถึงยังแท็กไปยัง IG ของ volleyballNationsLeague ซึ่งเป็น IG อย่างเป็นทางการของการแข่งขันครั้งนี้ว่าควรมีปฏิกิริยาตอบกลับได้แล้ว

ซึ่งการกระทำครั้งนี้ของทีมชาติเซอร์เบีย ไม่ได้เป็นการทำครั้งแรก เพราะในอดีตที่ผ่านมา ทีมตบสาวเซอร์เบีย ที่มีทั้ง ทิยานา บอสโควิช, บรันกิชา มิฮายโลวิช 2 ผู้เล่นตัวเก่งของทีม ได้พร้อมใจกันทำท่า ตาตี่ หลังจากที่พวกเธอคว้าตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2018 ที่ประเทศญี่ปุ่น

โดยเกมดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 พวกเธอลงเล่นเกมรอบคัดเลือกที่ประเทศโปแลนด์ ซึ่งนัดนั้น เซอร์เบีย เอาชนะ โปแลนด์ 3-0 เซต พร้อมกับคว้าแชมป์ของกลุ่ม และได้ตั๋วไปเล่นที่ญี่ปุ่น

ทว่าภาพดังกล่าวนี้ได้ถูกลบออกจากเว็บไซต์ทั้งของ สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งยุโรป (CEV) เจ้าของภาพ รวมถึงทาง สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ด้วยเช่นกัน

เหตุการณ์ของทีมชาติเซอร์เบีย เมื่อปี 2017 ก็แทบจะไม่ค่อยถูกพูดถึง และทาง FIVB ก็ไม่ได้มีบทลงโทษใด ๆ ต่อทีม มีเพียงแค่คอยสอดส่องร่วมกับ สหพันธ์เซอร์เบีย ว่าจะไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก

ส่วนเหตุการณ์ที่มีบทลงโทษอย่างชัดเจน คือการกระทำท่าตาตี่ ของ เซอร์จิโอ บูซาโต โค้ชชาวอิตาลี ที่ปัจจุบัน รับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติรัสเซีย และเจ้าตัวยังเดินทางมาคุมทีมในการแข่งขัน VNL หนนี้

ย้อนกลับไปในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 รอบคัดเลือกโซนระดับโลก ที่ประเทศรัสเซีย เมื่อปี 2019 เกาหลีใต้ คู่แข่งของ รัสเซีย เป็นฝ่ายออกนำ 2-0 เซต ในเกมนัดชิงตั๋วไป โตเกียว

ทว่าสุดท้าย เจ้าบ้านหมีขาว แซงชนะ เกาหลีใต้ 3-2 เซต ไปอย่างเหลือเชื่อ ซึ่ง บูซาโต ในตอนนั้นรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของทีมรัสเซีย ได้โพสต์ท่าดีใจเป็นท่า ตาตี่ หลังคว้าชัยชนะไปได้ต่อทัพโสมขาว

FIVB ได้ย้อนกลับมาพิจารณาโทษครั้งนั้นให้กับกุนซือชาวอิตาเลียน ด้วยการสั่งห้ามคุมทีมในการแข่งขันเกมนานาชาติ นั่นคือ วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์ยุโรป (ยูโร วอลเลย์) ในปี 2019 เป็นจำนวน 3 เกมด้วยกัน

ก่อนที่ในภายหลัง บูซาโต จะเข้ามารับงานคุมทีมรัสเซียอย่างเต็มตัว แทนที่ของ วาดิม แพนคอฟ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนเก่า ที่ประกาศลาออกหลังจบเกมชิงแชมป์ทวีป

หรืออย่างในกรณีของ มิชาล คูเบียก หัวเสาทีมชาติโปแลนด์ ที่อาจจะไม่ได้ทำท่า ตาตี่ ทว่าเจ้าตัวกลับไปแสดงความเห็นในการให้สัมภาษณ์กับสื่อที่โปแลนด์ ถึงความไม่พอใจ และต่อว่าชาวอิหร่าน

ซึ่งคาดว่า ความคับแค้นใจของเขา น่าจะมาจากการเจอกันของ คูเบียก ที่ไปแข่งขัน วอลเลย์บอลสโมสรชาย ชิงแชมป์เอเชีย 2019 ที่ไต้หวัน ร่วมกับทีมพานาโซนิค แพนเธอร์ส ต้นสังกัดของเจ้าตัวในลีกประเทศญี่ปุ่น

และเกมในนัดชิงชนะเลิศ พานาโซนิค แพนเธอร์ส ของ คูเบียก เจอกับ วารามิน จากประเทศอิหร่าน ซึ่งทีมของดาวตบโปแลนด์ แพ้ไปในนัดชิงชนะเลิศ 2-3 เซต

รวมถึงในระหว่างเกม และช่วงหลังจบเกม ตัวของ คูเบียก ได้มีปากเสียงกันกับผู้เล่นของทีมจากอิหร่าน จนถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกัน

โดยหลังจากนั้น 1 เดือนให้หลัง คูเบียก ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในบ้านเกิด ถึงความไม่ดีของประเทศอิหร่าน และชาวอิหร่าน ในมุมมองของตนเอง จนทำให้ทาง อิหร่าน ได้ยื่นหลังสือไปทาง FIVB เพื่อพิจารณาบทลงโทษ

FIVB ได้พิจารณา และมีคำสั่งให้ คูเบียก ถูกแบนจากการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ ลีก 2019 เป็นจำนวน 6 เกม รวมถึงเจ้าตัวจะต้องทำหนังสือขอโทษชาวอิหร่าน ซึ่งบังเอิญว่า โปแลนด์ มีคิวจะต้องไปเยือน อิหร่าน ในสัปดาห์ที่ 3 ของปีนั้น

อีกทั้งหนังสือขอโทษของ คูเบียก ได้ถูกเปิดอ่านต่อหน้าแฟนวอลเลย์บอลอิหร่าน ในเกมนัดดังกล่าวอีกด้วย

และอย่างในกรณีของ ดูร์เดวิช ทาง FIVB ได้ออกมาเทค แอคชัน ถึงเรื่องนี้ผ่าน IG Story ว่า “ขณะนี้ FIVB ได้รับชมคลิปการแข่งขันระหว่าง ไทยและ เซอร์เบีย แล้ว และได้ส่งเรื่องนี้ให้คณะอนุกรรมการด้านวินัยแล้ว โดย FIVB จะไม่แสดงความเห็นใด ๆ จนกว่าผลของคณะอนุกรรมการฯ นั้นจะพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว”

“FIVB มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความเข้าใจในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความสามัคคี ที่จะต่อต้านพฤติกรรมการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบ FIVB จะยังคงทำงานอย่างเต็มความสามารถกับสหพันธ์ของทุกประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าค่านิยมเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นทั่วทั้งครอบครัววอลเลย์บอลของเรา”

ซึ่งก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า การพิจารณาบทลงโทษของ FIVB ต่อดาวตบเซอร์เบียรายนี้ จะออกมาในรูปแบบไหน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวอลเลย์บอล ในโลกที่เราทุกคนต่างคิดว่านี่คือความเท่าเทียม และไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นในโลกของเกมกีฬา ที่ในภาษาไทย หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษ เรียกรวมกันว่า “ครอบครัววอลเลย์บอล

การกระทำที่มันอาจจะไม่ได้เกิดจากความยั้งคิด หรืออาจจะยังไม่ได้ฉุกคิด หรือคิดว่ามันอาจจะไม่ได้รุนแรง หรืออาจจะทำไปเพราะความสะใจ และความตั้งใจที่จะทำ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ที่ถูกกระทำ และผู้ที่ถูกกล่าวว่า

เพราะยิ่งโลกมันเปิดกว้าง และโลกกำลังหมุนไปข้างหน้า เราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการความเท่าเทียม และความเข้าใจกันเป็นอันดี ไม่ล้อเลียน ไม่เหยียด ไม่ดูถูก ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด หรือผิวสีอะไรก็ตาม

นี่คือโลกของวอลเลย์บอล เพราะนี่คือ “ครอบครัววอลเลย์บอล” ดังนั้น #StopRacism #StopAsianHate กันเถอะครับ